
น้ำมันปลา 🐟สารอาหารอีกหนึ่งอย่างที่มีวางขายตามท้องตลาดเยอะมากๆ ต้องบอกว่ามากๆ จริงๆ และผู้คนให้ความสนใจและซื้อกินเยอะมากๆ เช่นกัน อันดับแรกเรามาพูดถึงความสำคัญกันก่อนครับ น้ำมันปลา(ไขมันโอเมก้า 3) ที่ให้ EPA และ DHA เป็นสารอาหารที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้แต่สำคัญกับร่างกายมากๆ พูดง่ายๆ คือจำเป็นแบบขาดไม่ได้ ต้องทานให้เพียงพอ ปกติเราจะได้จากมื้ออาหารของเรา เช่น ปลาทะเล ผักและผลไม้บางชนิด แต่ทั้งนี้มันอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการใน 1 วันของร่างกาย ดังนั้นจึงเกิดเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาออกมาเยอะมากตามท้องตลาด (น้ำมันปลา ไม่ใช่น้ำมันตับปลานะครับ น้ำมันตับปลาไม่แนะนำครับ) ทีนี่อีกอย่างหนึ่งที่เราต้องรู้คือ ทะเลคือแหล่งรวมของสารพิษ โลหะหนัก ดังนั้น มันจึงไม่ใช่น้ำมันปลาอะไรก็ได้ หากทานตัวที่ไม่สกัดให้อยู่ในระดับความบริสุทธิ์จริงๆ สิ่งที่จะได้รับเพิ่มคือ การตกค้าง สารพิษต่างๆ ที่มากับปลาทะเลนั้นเองครับ
👉น้ำมันปลาที่ทานบริสุทธิ์ จริงไหม❓❓❓
เหมือนกล่าวไปข้างต้นว่าน้ำมันปลาคืออาหารเสริมตัวหนึ่งที่เป็นที่ยอดฮิตและเห็นวางขายตามท้องตลาดเต็มไปหมด ถ้าทานที่มันดีก็ดีกับสุขภาพจริงๆ แต่ถ้ามันไม่ดีจริง ก็คือ แทนที่จะได้ประโยชน์กลับกลายเป็นได้สารพิษตกค้างในร่างกายแทน เพราะทะเลคือแหล่งรวมสารพิษ โลหะหนัก เคมี บลาๆ และอีกมากมาย
วิธีเช็คเบื้องต้นง่ายๆ นำน้ำมันปลาที่ทานไปแช่ช่องฟิตตู้เย็น ทิ้งไว้ชัก 1 คืน แล้วดูว่าน้ำมันปลามีความขุ่น หรือใส ถ้าน้ำมันปลายังใสอยู่ แปลว่ามีความเพรียวบริสุทธิ์และดีต่อสุขภาพครับ แต่ถ้าขุ่น ขาว เริ่มพิจารณา ศึกษาเพิ่มจากตัวที่ทานดูนะครับ เพราะข้อสังเกตคือมันแปลกไปไหมทำไมพอเจอความเย็นแล้วมันไม่ต่างจากน้ำมันที่ใช้ทำอาหารแล้วเจอความเย็นเลยครับ 🤓


EPA และ #DHA ใน #น้ำมันปลา คืออะไร??
กรดไขมันคืออะไร?
กรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 มีกรดที่สำคัญอยู่ 2 ชนิด คือ EPA (Eicosapentaenoic = กรดไอ-โคซาเพนตาอีโนอิก) และ DHA (Docosahexaenoic acid = กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิก) เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น
DHAคืออะไร?
DHA เป็นกรดไขมันสำคัญที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์ซึ่งเปรียบได้กับโครงสร้างของบ้าน โดย DHA เป็นเหมือนวัสดุพื้นฐานที่ผสมในคอนกรีตที่ใช้ในการสร้างบ้าน ถ้าคอนกรีตไม่แข็งแรงพอ ส่วนประกอบต่างๆก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย เช่นเดียวกับประเภทของกรดไขมันที่เราบริโภค จะเป็นตัวกำหนดความแข็งแกร่ง หรือความอ่อนนุ่มของเยื่อหุ้มเซลล์ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของร่างกาย
DHA ไม่ได้พบแต่ในสมองเท่านั้น แต่ยังพบในหลายๆเซลล์ของร่างกาย ผ่านทางกระแสเลือด
EPAคืออะไร??
แต่DHA ส่วนใหญ่จะถูกส่งไปที่สมองเนื่องจากสมองต้องการมากที่สุด เพื่อช่วยให้สมองทำงานได้อย่างปรกติ ซึ่งทั้ง EPA และ DHA จะออกฤทธิ์ต่างกันออกไป หรือถ้าจะมองแบบง่ายๆ เราอาจกล่าวได้ว่า DHA ทำหน้าที่เป็น โครงสร้าง (Building blocks) ของเยื่อหุ้มเซลล์ ส่วน EPA จะทำหน้าที่เป็นตัวให้พลังงานกับเซลล์
น้ำมันปลา 1000 มก . แต่ปริมาณ EPA และ DHA ที่เป็นหัวใจหลักสำคัญ นั้นมีไม่เท่ากัน
ร่างกายคนเราปกติต้องการปริมาณ EPA + DHA 1000มก/วัน ซึ่งถ้าทานตัวอื่น อาจจะต้องทาน 3-4 เม็ดกันเลยทีเดียว และถ้าตัวอื่นไม่ได้มีวิตามิน ดี ที่ช่วยในการดูดซึมร่างกายก็มีประสิทธิภาพในการดูดซึมน้อยลงไปอีก
แล้วอย่างคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับ ประสาท สมอง เบาหวาน ไขมัน ความดัน ต้องการ EPA+ DHA ถึง 2,000-3,000 มก/วัน ต้องทานกันไป 8-10 เม็ด โดสถึงจะถึงในการซ่อมแซมหรือแก้ปัญหาอาการนั้นได้


No responses yet