12 ความลับที่ “อาการปวดหลัง” อยากบอก
.
อาการปวดหลังที่หลายคนต้องทุกข์ทรมาน เพราะดูเหมือนว่าจะรักษาไม่หายเสียทีนั้น เป็นผลของความผิดปกติที่เกิดกับร่างกาย แต่หลังไม่สามารถบอกหรือเตือน ให้รู้ถึงต้นเหตุได้ทุกอย่าง บางสาเหตุอาจจะชัดเจน เช่น เกิดอุบัติเหตุ ยกของหนัก ก้มลงยกของ หรือหลังงอผิดท่า แต่ยังมีสาเหตุอื่นๆอีกที่ซ่อนเงื่อนงำเอาไว้
.
จริงๆแล้ว ถ้าหลังบอกได้ทุกอย่าง ก็คงส่งสัญญาณฟ้องว่า…
.
1. คุณเสพติดเทคโนโลยีแล้วนะ
ธรรมชาติออกแบบให้ร่างกายมนุษย์ตั้งตรง แต่เวลาใช้สมาร์ทโฟน แทบเลต หรือแลปทอป ศีรษะ คอ หลัง ไหล่ของคุณ จะค้อมต่ำงองุ้มพับลงโดยไม่รู้ตัว ท่าทางผิดธรรมชาตินี้ จะเพิ่มแรงกดที่กระดูกสันหลัง ทำให้ปวดหลัง
.
แค่เผลออยู่ในท่าคอยื่นไหล่ห่อ ก็กดน้ำหนักลงกระดูกสันหลังได้ถึง 60 ปอนด์ หรือเกือบ 30 กิโลกรัม ทีเดียว ปัญหานี้แก้ได้ด้วยการหมั่นออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เวลาจะใช้เครื่องเหล่านี้ให้ตั้งสติ จัดท่าทางให้เหมาะสม ยกโทรศัพท์ให้อยู่ในระดับสายตา
.
2. รองเท้าที่ใส่ ไม่เหมาะกับคุณ
ไม่เฉพาะรองเท้าส้นสูงเท่านั้นที่ทำให้หลังส่วนล่างปวดตึง รองเท้าส้นเตี้ยแบบเปลือยไม่หุ้มเท้า อย่างรองเท้าแตะคีบ ก็ทำให้มีแรงกดดันไปที่หลังและข้อต่อด้วยเช่นกัน
.
ดังนั้น ควรเปลี่ยนมาสวมรองเท้าที่หุ้มฟิตพอดีเท้า และรองรับความโค้งบริเวณอุ้งเท้าได้ดี ส้นต้องไม่สูงเกินไปด้วย และแผ่นรองเท้าเพื่อสุขภาพ ก็อาจช่วยให้เท้าสบายขึ้นได้ รวมทั้งในแต่ละสัปดาห์ให้เปลี่ยนสวมรองเท้าหลายๆแบบสลับไปมา หลีกเลี่ยงการใช้รองเท้าคู่เดิมติดต่อกันหลายวัน
.
3. กระเป๋าสะพายของคุณเป็นตัวถ่วง
เรามักโทษว่ากระเป๋าใบใหญ่เกินตัว และกระเป๋าใส่แลปทอปเป็นตัวทำให้ปวดหลัง แต่กระเป๋าอื่นก็ใช่ย่อยเหมือนกัน ถ้าใส่ของลงไปจนทำให้ไหล่ข้างเดียวต้องรับน้ำหนักเกินพอดี จนต้องเอียงลำตัวช่วยเพื่อถ่วงให้สมดุล
.
ทางที่ดีก่อนออกจากบ้าน ลองคัดเอาของในกระเป๋าออก ให้เหลือแต่ของที่จะต้องใช้จริงๆ หรือเปลี่ยนมาใช้กระเป๋าแบบที่มีสายยาวคล้องแบบสายสะพายนางงาม ก็ช่วยได้เหมือนกัน
.
4. โซฟาที่นั่งสบายดีหรือสบายเกิน
คนส่วนใหญ่มักชอบนั่งโซฟาที่นุ่มสบาย แต่ล่าสุดมีผลสำรวจของผู้ผลิตแผ่นแปะแก้ปวดว่า หนึ่งในห้าของคนอังกฤษเชื่อว่า โซฟาที่อ่อนนุ่มของพวกเขาทำให้ปวดหลังส่วนล่างและไหล่ เวลานั่งโซฟาหรือเก้าอี้ที่นุ่มมากๆ อาจทำให้รู้สึกสบาย จนเผลอนั่งหลังงอ ลืมนั่งหลังตรง
.
เพราะฉะนั้น เวลานั่งโซฟานุ่มตัวโปรด ต้องนั่งในท่าที่เหมาะสม หรือถ้าต้องนั่งนานหลายชั่วโมง ก็ลุกไปยืดเส้นยืดสายบ้างเป็นพักๆ การเกร็งตัวอยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานาน ทำให้ปวดหลังได้
.
5. บราของคุณอาจมีส่วนทำร้ายหลังด้วย
น้อยคนนักที่จะรู้ว่า บราที่ขนาดไม่พอดีหรือเสื่อมสภาพแล้ว ไม่กระชับเต้านมและเนื้อส่วนหน้าลำตัว แถมดึงให้ไหล่ห่องุ้ม เป็นเหตุให้ปวดหลังและคอได้
.
ลองสำรวจดูบราของคุณว่าเป็นเช่นนี้หรือเปล่า ถ้าใช่..ก็ได้เวลาเปลี่ยนบราตัวใหม่ที่พอดีและกระชับแล้วล่ะ
.
6. การสูบบุหรี่ก็มีผลถึงหลัง
เป็นที่รู้กันดีว่า การสูบบุหรี่ไม่ดีต่อปอด หัวใจ กระเพาะอาหาร สมอง แต่ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ มันทำให้หลังอ่อนแอด้วย เพราะสารจากควันบุหรี่ทำให้ออกซิเจนไหลเวียนในกล้ามเนื้อลดลง
.
มีการศึกษาล่าสุดชี้ว่า ผู้สูบบุหรี่เรื้อรังมีโอกาสปวดหลังเรื้อรังเพิ่มขึ้นถึง 3เท่า!!
.
7. คุณเครียด วิตกกังวล
คงไม่แปลกที่จะบอกว่า ความเครียดทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและหลังส่วนบนตึงเกร็งจนปวด แต่รู้ไหมว่าความวิตกกังวลก็เป็นสาเหตุให้หลังปวดได้เช่นกัน แค่กังวลบ่นถึงเรื่องปวดเท่านั้น ความปวดก็มาเยือนได้แล้ว
.
ลองแก้ด้วยการหาเทคนิคที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นกิจวัตร อย่างเช่น ทำสมาธิ หรือหายใจลึกๆ มีการศึกษาอย่างน้อยหนึ่งชิ้นพบว่า การฝึกโยคะหรือการยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างเข้มข้น (intensive stretching) เพียงสัปดาห์ละครั้ง ช่วยลดอาการปวดหลังได้
.
8. ท่านั่งของคุณไม่ดีเลย
เช่นเดียวกับการใช้สมาร์ทโฟนนานไม่วางเสียที การนั่งติดโต๊ะในท่านั่งที่ไม่ถูกต้องนานๆ จะเพิ่มแรงกดดันหรือความตึงไปที่กระดูก ข้อต่อ เอ็น และหมอนรองกระดูกสันหลังมากขึ้น ทำให้ปวดหลังช่วงล่าง
.
ถ้าทิ้งงานบนโต๊ะไปยืดเหยียดกล้ามเนื้อไม่ได้ ก็ให้จัดระเบียบกล้ามเนื้อใหม่โดยไม่ต้องลุกไปไหน จัดแจงท่านั่งเสียใหม่ วางแขนท่อนล่างขนานกับพื้น ศีรษะตั้งตรงในแนวเดียวกับลำตัว วางเท้าราบบนพื้นหรือที่พักเท้า พิงหลังชิดพนักเก้าอี้ให้เต็มแผ่นหลัง ต้นขาขนานกับพื้น ก็จะช่วยได้
.
9. คุณแม่ลูกอ่อนต้องระวังด้วย
จริงอยู่..การคลอดลูกไม่ได้ทำให้ปวดหลัง แต่นักวิจัยชี้ว่า เกือบ 80% ของคุณแม่ลูกอ่อน รู้สึกปวดหลังส่วนล่าง เพราะความเครียดเกร็งที่เกิดขึ้นกับร่างกายระหว่างตั้งครรภ์ ผนวกกับลักษณะท่าทางในการดูแลลูกน้อย เช่น อุ้มลูกไว้ข้างตัวเพียงข้างเดียว ไม่สลับข้าง และต้องก้มตัวห่อไหล่ลงให้นมลูก ล้วนทำให้กล้ามเนื้อไม่สมดุล ส่งผลต่อแนวโค้งตามธรรมชาติของกระดูกสันหลัง
.
คุณแม่ลูกอ่อนจึงควรพยายามระวังให้อยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง และเปลี่ยนข้างการอุ้มกล่อมลูกบ้าง อย่าอุ้มข้างเดียวเรื่อยไป แล้วคุณจะปวดหลังน้อยลง
.
10. กล้ามเนื้อส่วนอื่นของคุณไม่สมดุล
ทุกส่วนในร่างกายล้วนทำงานสอดประสานเชื่อมโยงกันอย่างสมดุล ถ้ากล้ามเนื้อส่วนใดไม่สมบูรณ์ จะส่งผลเสียกับกลไกโดยรวมของร่างกายด้วย การปวดหลังอาจเกิดจากกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังตึง หรือกล้ามเนื้อหน้าท้องอ่อนแอ ทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนักขึ้นในการประคับประคองให้กระดูกสันหลังตั้งตรงและเคลื่อนไหวได้ดี
.
กรณีนี้อาจต้องปรึกษานักกายภาพบำบัด ในการชี้จุดและแก้ไขจุดที่ไม่สมดุล ซึ่งเป็นต้นเหตุของการปวดหลัง
.
11. หมอนรองกระดูกของคุณอาจจะแตกหรืองอก
หมอนรองกระดูกเป็นส่วนที่แทรกคั่นกลางระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อ ทำหน้าที่เชื่อมต่อกระดูกและดูดซับลดแรงกระแทก ที่อาจเกิดขึ้นกับกระดูกสันหลัง มีลักษณะเหมือนหมอน ภายนอกเป็นขอบพังผืดเหนียว ภายในมีของเหลวคล้ายเจลบรรจุอยู่เหมือนเป็นไส้หมอน
.
หมอนรองกระดูกจะค่อยๆเสื่อมไปตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้อง และประวัติเรื่องหมอนรองกระดูกในครอบครัวก็มีผล เมื่อเสื่อมแล้วจะแบนลีบลงหรือปริแตก ถ้าปริแตกของเหลวภายในมักจะเคลื่อนปลิ้นหรืองอกออกมากดทับเส้นประสาทที่อยู่รอบข้าง ทำให้เจ็บปวดมาก
.
แพทย์อาจรักษาด้วยการให้คุณพักผ่อนมากๆ ให้ยาแก้อักเสบ ประคบร้อน-เย็น ทำกายภาพบำบัด และสุดท้ายคือผ่าตัด
.
12. สุขภาพแย่แล้ว ใส่ใจหน่อย
ตับอ่อนอักเสบ แผลอักเสบ ไตติดเชื้อ ล้วนทำให้เจ็บปวด และปวดลามไปถึงหลังได้ หรือแม้แต่มะเร็งก็ทำให้ปวดหลังเช่นกัน คุณอาจติดเชื้อที่กระดูกสันหลัง เป็นโรคกระดูกอักเสบจากการติดเชื้อ (osteomyelitis) ได้ในที่สุด
.
คนทั่วไปมักคิดว่าอาการปวดหลังจะหายไปได้เอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าผ่านไป 6 สัปดาห์แล้วไม่หาย หรืออาการแย่ลง ต้องไปพบแพทย์ เพราะยังมีสัญญาณหรืออาการอื่น ที่เตือนว่าไปพบแพทย์ได้แล้ว คือ มีไข้ มีอาการชาบริเวณลำไส้ตรง ไม่สามารถกลั้นอุจจาระปัสสาวะ และถ้าแตะถูกจุดใดจุดหนึ่งบริเวณกระดูกสันหลังแล้วรู้สึกเจ็บ หรือเกิดหกล้ม หรือได้รับบาดเจ็บ ก็ควรไปพบแพทย์ แต่ถ้าไม่สามารถขยับตัวได้ ยิ่งต้องไปพบแพทย์โดยด่วน
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 199 กรกฎาคม 2560 โดย วิรีย์พร)
สำหรับชุดสารอาหารส่งเสริมการดูแลสุขภาพที่แนะนำ
1 เซลล์เซนเชียล รากฐานสุขภาพ สมดุลร่างกาย สารอาหารพื้นฐานที่ควรได้รับอย่างเพียงพอต่อวัน
2 ไบโอเมก้า ให้ EPA และ DHA ส่งเสริมระบบประสาท สมอง หลอดเลือด หัวใจและลดการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกาย
3 แมคนีแคลดี ส่งเสริมการทำงานของกระดูก กล้ามเนื้อ และข้อต่อ
.
No responses yet